ประเพณีเลี้ยงเจ้าพ่อดงเย็น
ชุมชนในท้องที่ภูมิภาคล้านนา
มีความเชื่อเรื่องผีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันเป็นเวลานานแล้ว
และมีการสืบทอดจนกลายเป็นประเพณีและวิถีปฏิบัติอันเป็นแบบแผนที่ดีในการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนกับทรัพยากรธรรมชาติ
ดังจะเห็นได้ในหลายชุมชน มีการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในเขตที่เชื่อว่ามีผีเจ้าที่สิงสถิตอยู่เพื่อปกปักรักษาชุมชนให้อยู่เย็นเป็นสุข และในทุก ๆ
ปีจะมีการทำพิธีกรรมเลี้ยงผีเจ้าที่เพื่อเป็นการสักการะ บูชาและบนบานศาลกล่าวให้มีความสุข ในล้านนาโดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำกวงจะมีพิธีกรรมหนึ่ง
ที่ชนพื้นเมืองยึดถือและปฏิบัติสืบทอดกันมาจนเป็นประเพณี อันได้แก่
ประเพณีเลี้ยงผีเสื้อบ้าน ผีเจ้าบ้าน และผีเจ้านาย
ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมนี้ขึ้นในทุก วันแรม 9 ค่ำ เดือน9 (มิถุนายน) ของทุกปี และเรื่องเล่าจากชุมชนในวารสารลุ่มน้ำกวงฉบับนี้
จะเล่าถึงประเพณีหนึ่งที่ผู้เขียนได้เข้าร่วมกิจกรรม และรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ประเพณีนั้นก็คือ “
ประเพณีเลี้ยงเจ้าพ่อดงเย็น”
ประเพณีเลี้ยงเจ้าพ่อดงเย็น
เป็นประเพณีประจำปี ของชุมชนบ้านโป่งกุ่ม หมู่ที่ 4 ตำบลป่าเมี่ยง
อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการปฏิบัติสืบทอดกันมาไม่ต่ำกว่า 120
ปีมาแล้ว โดยการจัดพิธีกรรมดังกล่าวจะกระทำใน วันแรม 9 ค่ำ เดือน 9 ของทุกปี
จากความเชื่อที่ว่าในพื้นที่ดงเย็นมี เจ้าพ่อเต๋จ๊ะและเจ้าแม่นางเฟย ผู้เป็นธิดา
ที่ชุมชนชาวไทลื้อนับถือสิงสถิตคอยปกปักรักษาพื้นที่ดงเย็นและพื้นที่หมู่บ้านอยู่
ดังนั้นในทุกปีชาวบ้านจะจัดพิธีกรรม เลี้ยงเจ้าพ่อดงเย็น
เพื่อบนบานศาลกล่าวให้เจ้าพ่อและเจ้าแม่ช่วยคุ้มครองหมู่บ้านและสัตว์เลี้ยงให้อยู่อย่างสงบสุข
ในอดีตเมื่อใกล้จะถึงประเพณีการเลี้ยงเจ้าพ่อดงเย็น ชาวบ้านจะนำควายที่เลี้ยงมาปล่อยกินหญ้าไว้ในพื้นที่ดงเย็น
โดยมีการตั้งหลักไม้เสี่ยงทายไว้บริเวณหน้า หอเจ้าพ่อ
ถ้าควายตัวไหนเอาสีข้างไปสีกับหลักเสี่ยงทายหรืออยู่วนเวียนบริเวณหลักเสี่ยงทาย
ก็แปลว่า เจ้าพ่อได้เลือกควายตัวดังกล่าวเป็นเครื่องเซ่นสังเวยในปีนี้ โดยชาวบ้านจะมีการรวมเงินกันซื้อควายจากเจ้าของเพื่อใช้ทำพิธีกรรม
แล้วนำควายมาฆ่าบริเวณหลักหน้าศาลเจ้าพ่อก่อนที่จะนำถวายต่อไป ประเพณีเลี้ยงเจ้าพ่อดงเย็นได้มีการใช้ควายเป็นเครื่องเซ่นสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นตามแบบแผนเดิมที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ให้
ต่อมาเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา เนื่องจากในพื้นที่การใช้ควายไถนาเริ่มลดลง
ชาวบ้านที่เลี้ยงควายก็น้อยลง ทำให้ควายในพื้นที่เริ่มหายากและมีราคาแพง จึงได้เปลี่ยนมาเป็นการใช้ไก่และ
หมูเป็นเครื่องเซ่นสังเวยแทนสืบจนถึงปัจจุบัน
เมื่อใกล้ถึงวันแรม 9 ค่ำ เดือน 9 ในหมู่บ้านจะมีการป่าวประกาศ หรือบอกกล่าว ให้ชาวบ้านรับทราบ
เมื่อใกล้ถึงวันจัดพิธีกรรม 1 วัน ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “วันดา” ก็จะมีการเตรียมข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นใช้ในการเลี้ยงเจ้าพ่อบางส่วน
ได้แก่ เครื่องประกอบขันตั้ง เครื่องสังเวย เตรียมหมู 1 ตัว และไก่ 8 ตัว ที่จะนำไปสังเวย
ของหวาน ขันหมากขันพลู ผลไม้ ขันข้าวตอกดอกไม้ ให้พร้อมก่อนถึงวันงาน
วันแรม 9 ค่ำ
เดือนเก้า ตอนเช้าตรู่ “เจ้าจ้ำ” หรือผู้ที่เป็นตัวแทนในการทำพิธีกรรมเลี้ยงเจ้าพ่อ
ได้นำขันตั้ง
ขันหมากขันพลูและข้าวตอกดอกไม้บอกกล่าวบริเวณหอเจ้าพ่อดงเย็น
ซึ่งในเวลานั้นชาวบ้านจะเริ่มทยอยกันมาสมทบในพื้นที่ เมื่อถึงเวลาประมาณ 8 โมงเช้าชาวบ้านจะช่วยกันทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ดงเย็นให้เกิดความสะอาดตา ผู้อาวุโสบางส่วนได้นำไก่ต้ม 8 ตัวใส่ถาดเตรียมถวาย
จัดทำขันตั้งสำหรับบนบานศาลกล่าวเจ้าพ่อ
กลุ่มชายฉกรรจ์ก็ร่วมกันฆ่าหมูที่ถูกมัดกับหลักเสี่ยงทายแล้วนำไปชำแหละแต่ยังไม่แยกเครื่องใน
ในบริเวณใกล้ ๆ จากนั้น“เจ้าจ้ำ”
จุดธูปเทียนบอกกล่าวและถวายเครื่องเซ่นให้เจ้าพ่อ
แล้วนำหมูไปทำอาหารก่อนนำมาถวายอีกครั้งหนึ่ง “เจ้าจ้ำ” กล่าวถวายเครื่องสังเวย
นำขันตั้งถวายเจ้าพ่อดงเย็นแล้วชาวบ้านร่วมกันนำอาหารที่ทำจากหมูและไก่ที่ใช้ในการสังเวยมาถวายอีกครั้งหนึ่ง
แล้วนำเทียนมาจุดถวาย เพื่อเสี่ยงทาย เมื่อเทียนดับหมายถึงเจ้าพ่อทานเครื่องเซ่นอิ่มแล้ว
ชาวบ้านก็จะนำเครื่องเซ่นและอาหารที่เตรียมมากินร่วมกันในงานจนถึงเที่ยง จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้านตนเอง
สำหรับผู้เขียนก็อิ่มแปล้ไปตามระเบียบ
ประเพณีเลี้ยงเจ้าพ่อดงเย็นบางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ งมงาย ค่ำครึ
หรือโบราณ แต่ในมุมมองของผู้เขียนแล้ว
กลับเป็นกิจกรรมที่สร้างความสมัครสมานสามัคคีให้กับคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี
ที่มา: วารสารลุ่มน้ำกวง พ.ศ.2552
สถานที่: บ้านโป่งกุ่ม หมู่ที่ 4 ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
ภาพ: Mr.Sawing
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น